ประวัติพ่อขุนศรีอินทราทิตย์
ประวัติพ่อขุนศรีอินทราทิตย์
ตามพงศาวดาร
และคัมภีร์ชินกาลมาลีปกรณ์
ได้กล่าวไว้ว่าพ่อขุนศรี
อินทราทิตย์มีพระนามเต็ม คือ กำมรเตงอัญศรีอินทรบดินทราทิตย์ พระนามเดิม
พ่อขุนบางกลางหาว (ไม่ใช่ “กล่างท่าว”)
ทรงเป็นปฐมวงศ์ราชวงศ์พระร่วงแห่งอาณาจักรสุโขทัย ครองราชย์สมบัติ ตั้งแต่
พ.ศ. 1782 - 1822 (30 ปี
คำนวณศักราชจากคัมภีร์สุริยยาตรตามข้อเสนอของ
ศ.ประเสริฐ ณ นครและ
พ.อ.พิเศษ เอื้อนมณเฑียรทอง)
เมื่อจุลศักราช 536 พระเจ้าสุริยราชา
ซึ่งเป็นเชื้อพระวงศ์ของพระเจ้าปทุมสุริยวงศ์ ได้ทรงตบแต่งซ่อมแซมแปลงเมืองพิจิตรปราการ(กำแพงเพชร)ขึ้นใหม่ครองราชย์สมบัติต่อไป
มีพระอัครมเหสีทรงพระนามว่า สิริสุธาราชเทวี
มีพระราชโอรสองค์หนึ่งด้วยพระอัครมเหสี ทรงพระนามว่าจันทกุมารพระเจ้าสุริยราชา
เมื่อแรกได้ราชสมบัติพระชนม์ได้ 20 พรรษา อยู่ในราชสมบัติ 28 ปี เสด็จสวรรคตพระชนม์ได้
47 พรรษา พระองค์ประสูติวันจันทร์ จุลศักราช 570 พระจันทกุมารราชโอรส
ได้ขึ้นครองราชย์สมบัติ ทรงพระนามว่า พระเจ้าจันทรราชาและตามพระราชพงศาวดารโยนก
หน้า 80 วรรค 2 กล่าวไว้ว่ายังมีข้อความในหนังสือชินกาลมาลินี
กล่าวถึงมูลประวัติของพระเจ้าโรจนราชผู้ได้ พระพุทธสิหิงค์มาจากศรีธรรมนครนั้นว่า
บุรุษผู้หนึ่งหลงป่าที่บริเวณ
บ้านโคณคาม(เข้าใจว่าบ้านโคนริมเมืองเทพนคร)และได้พบนางเทพธิดาแปลงเป็นมนุษย์(สาวชาวบ้านเมืองคณฑี)มาร่วมสมัครสังวาสเกิดบุตรได้มาเป็นเจ้ากรุงสุโขทัยทรงนามว่า
โรจราช
ประวัติพระองค์ท่านจากคัมภีร์ชินกาลมาลีปกรณ์ หน้า
112-113
ตอนหนึ่งกล่าวถึงการประสูติของพระองค์ ได้ยินว่าที่บ้านโค (บ้านโคน จังหวัดกำแพงเพชร ในปัจจุบัน)
ยังมีชายคนหนึ่ง(จันทราชา)รูปงามมีกำลังมาก ท่องเที่ยวอยู่ในป่า มีนางเทพธิดาองค์หนึ่ง(สาวชาวบ้านเมืองคณฑี)เห็นชายคนนั้นแล้ว ใคร่ร่วมสังวาสด้วยจึงแสดงมารยาหญิง
ชายคนนั้นก็ร่วมสังวาสกับนางเทพธิดาองค์นั้น เนื่องจากการร่วมสังวาสของทั้งสองคนนั้นจึงเกิดบุตรชายคนหนึ่ง และบุตรชายคนนั้นมีกำลังมาก รูปงาม
เพราะฉะนั้น
ชาวบ้านทั้งปวงจึงพร้อมใจกันทำราชาภิเษกบุตรชายคนนั้น บุตรชายซึ่งครองราชย์สมบัติในเมืองสุโขทัยนั้น
ปรากฏพระนามในครั้งนั้นว่า โรจราช ภายหลังปรากฏพระนามว่าพระเจ้าล่วง
จากหลักฐานทางประวัติศาสตร์ ทั้งหมดเชื่อได้ว่า เมืองคณฑีโบราณ หรือตำบลคณฑี
จังหวัดกำแพงเพชร ในปัจจุบันนั้นอยู่ในอาณาจักร สุโขทัย
เนื่องจากพระเจ้าสุริยราชา
(พระอัยกาของ พ่อขุนศรีอินทราทิตย์
)
ครองราชย์สมบัติที่เมืองพิจิตปราการ
(เมืองกำแพงเพชร ปัจจุบัน)
หลังจากนั้นก็เสด็จสวรรคตและต่อมาพระจันทกุมารราชโอรส (พระเจ้าจันทรราชา พระราชบิดา
ของพ่อขุนศรีอินทราทิตย์) ก็เสด็จขึ้นครองราชย์สมบัติต่อ
ระหว่างนี้เกิดปาฏิหาริย์หลายสิ่งมากมายจนกระทั่งได้มเหสีเป็นเชื้อชาตินางนาคกุมารี และมีพระราชโอรสคือ พระร่วง
(พ่อขุนศรีอินทราทิตย์)
นั่นเอง
เพราะอีกเหตุผลหนึ่งที่น่าเชื่อถือคือ
พ่อขุนศรีอินทราทิตย์
หรือพระนามเต็ม กำมรเตงอัญศรีอินทรบดินทราทิตย์ ชินกาลมาลีปกรณ์ ว่า
บ้านเดิมของพระองค์อยู่ที่ “บ้านโคน ” ในจังหวัดกำแพงเพชร
พระองค์ทรงนำชนชาติไทยต่อสู้กับชนชาติขอมซึ่งเป็นใหญ่อยู่ในสุวรรณภูมิ อันเป็นที่ตั้งของประเทศไทยส่วนใหญ่ในปัจจุบัน
ซึ่งรวมถึงกรุงสุโขทัยด้วย ทรงได้ชัยชนะขอมและประกาศอิสรภาพ ตั้งราชอาณาจักรสุโขทัย ทรงเป็นพระเจ้าแผ่นดินองค์แรกและเป็นต้นราชวงศ์พระร่วง
เป็นปฐมบรมกษัตริย์แห่งราชอาณาจักรไทย
ส่วนพระราชกรณียกิจที่สำคัญ
พ่อขุนศรีอินทราทิตย์เมื่อครั้งยังเป็นพ่อขุนบางกลางหาวได้ร่วมกับพ่อขุนผาเมือง เจ้า เมืองราด
แห่งราชวงศ์ศรีนาวนำถมรวมกำลังพลกัน กระทำรัฐประหารขอมสบาดโขลญลำพง โดยพ่อขุนบางกลางหาวตีเมือง ศรีสัชนาลัย
และเมืองบางขลงได้
และยกทั้งสองเมืองให้พ่อขุนผาเมือง
ส่วนพ่อขุนผาเมืองตีเมืองสุโขทัยได้
ก็ได้มอบเมืองสุโขทัยให้พ่อขุนบางกลางหาว
พร้อมพระขรรค์ชัยศรีและยกพระกนิษฐา(นางเสือง)ให้เป็นมเหสีอีกด้วยส่วนพระนาม “ศรีอินทรบดินทราทิตย์” ซึ่งได้นำมาใช้เป็นพระนาม ภายหลังได้กลายเป็น ศรีอินทราทิตย์ โดยคำว่า “บดินทร”
หายออกไป
เชื่อกันว่าเพื่อเป็นการแสดงว่ามิได้
เป็น บดีแห่งอินทรปัต คืออยู่ภายใต้อิทธิพลของเขมร (เมืองอินทรปัต) อีกต่อไป การเข้ามาครองสุโขทัยของพระองค์ ส่งผลให้
ราชวงศ์พระร่วง
เข้ามามีอิทธิพลในเขตนครสุโขทัยเพิ่มมากขึ้น และได้แผ่ขยายดินแดนกว้างขวางมากออกไป แต่เขตแดนเมืองสลวงสองแคว
ก็ยังคงเป็นฐานกำลังของราชวงศ์ศรีนาวนำถมอยู่ในกลางรัชสมัย ทรงมีสงครามกับขุนสามชน เจ้าเมืองฉอด
ทรงชนช้างกับขุนสามชน
แต่ช้างทรงพระองค์
ได้เตลิดหนีดังคำในศิลาจารึกว่า “หนีญญ่ายพ่ายจแจ” ขณะนั้นพระโอรสองค์เล็ก ทรงมีพระปรีชาสามารถ
ได้ชนช้างชนะขุนสามชนภายหลังจึงทรงเฉลิมพระนามพระโอรสว่า รามคำแหงในยุค
พ่อขุนศรีอินทราทิตย์มีพระราชโอรสและพระธิดารวม 5 พระองค์
ได้แก่
1.
พระราชโอรสองค์โต
(ไม่ปรากฏนาม)
เสียชีวิตตั้งแต่ยังทรงพระเยาว์
2. พ่อขุนบานเมือง
3.
พ่อขุนรามคำแหงมหาราช
(พระนามขณะที่ยังทรงพระเยาว์ไม่ปรากฏ)
4. พระธิดา (ไม่ปรากฏนาม)
5. พระธิดา (ไม่ปรากฏนาม)
วิธีการคิดปั้นรูปหล่อ(จินตนาการ)พ่อขุนศรีฯ
เมื่อเทียบเคียงวิเคราะห์ในแง่มุมต่างๆ
ของหลักฐานที่มีอยู่ จัดแบ่งลำดับขั้นตอนความสำคัญที่มีลักษณะเด่นเฉพาะ
โดยนำมาประมวลออกแบบสร้างสรรค์ให้เป็นรูปธรรมขององค์พ่อขุนศรีอินทราทิตย์ซึ่งกำหนดลักษณะตามแบบอย่างพระบรมสาทิสลักษณ์ของพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวภูมิพลอดุลยเดช
รัชกาลที่ 9 ทรงเครื่องพระอิสริยยศทรงจอมทัพไทย
ประทับยืนทรงถือพระแสงขรรค์ชัยศรีด้วยพระหัตถ์ทั้งสองข้าง
พระพักตร์ทอดพระเนตรเบื้องหน้าเสมือนกับทรงดูแลอาณาประชาราษฎร์ของพระองค์ให้อยู่อย่างร่มเย็นเป็นสุขขณะเดียวกันก็ยังคงดูลักษณะการประทับยืนของพระบาทสมเด็จพระจุลจอมเกล้าเจ้าอยู่หัว
(รัชกาลที่ 5 ซึ่งเป็นท่าประทับยื่นที่สง่างามกว่าทุกพระองค์) ประกอบไปด้วย
เมื่อได้ลักษณะของรูปแบบจากความคิดแล้วออกแบบเขียนภาพร่าง
โดยคัดเลือกคนผู้เป็นหุ่นยืนเป็นแบบเพื่อดูลักษณะการยืน ดูกล้ามเนื้อ
ดูโครงสร้างของร่างกายแต่ละส่วน
เพื่อพิจารณาถึงรายละเอียดที่จะต้องแสดงให้ปรากฏออกมา
ซึ่งจะต้องมีความเป็นพิเศษต่างจากบุคคลทั่วไป
เพื่อให้มีภาพลักษณ์เป็นองค์พระมหากษัตริย์ผู้ยิ่งใหญ่ จากนั้นเป็นเรื่องของแบบเครื่องทรง
เครื่องทรงของแบบรูปปั้นพ่อขุนศรีอินทราทิตย์พระวรกายตอนบนเป็นลักษณะเครื่องทรงแบบสุโขทัยโบราณ
ทรงสวมพระมงกุฎทรงเทริด ยอดพระมงกุฎเป็นลวดลายกลับบัว 3 ชั้น
พระศอมีสร้อยพระศอ และพระกรองศอ สร้อยสังวาลพร้อมทับทรวงพระพาหุตอนบน
ประดับ
พาหุรัด ข้อพระหัตถ์เป็นทองกร
พระวรกายจากบั้นพระองค์ถึงพระบาททรงฉลองพระภูษายาวกรอบข้อพระบาท
พร้อมคาดปั้นเหน่งทับและห้อยพระสุวรรณกันถอบด้านหน้าพระภูษาทรงด้านเปิดชายผ้าชั้นนอกซ้าย-ขวาลักษณะทิ้งชายผ้าให้พลิ้วเคลื่อนไหว
ชายผ้าทั้งชั้นนอกและชั้นในเป็น
ลายกรวยเชิงประดับ
และข้อพระบาทประดับทองบาท(กำไลเท้า) พร้อมฉลองพระบาท
ทั้งนี้เพื่อต้องการให้พระบรมรูปมีลักษณะของฉลองพระองค์เป็นแบบมหากษัตริย์สมัยสุโขทัยโบราณตามที่ได้ทำการศึกษาค้นคว้า
ความคิดเห็น
แสดงความคิดเห็น